โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน

โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของหูชั้นใน พบได้ค่อนข้างบ่อยในคนทุกกลุ่มอายุตั้งแต่ 20-50 ปี ทั้งชายและหญิง เป็นโรคที่มักเกิดกับคนในวัยทำงานอย่างพวกเรา จึงต้องลด ละ เลิกพฤติกรรมบางอย่างเพื่อป้องกันโรคนี้ นั่นก็คือต้องไม่เครียด ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการเวียนศีรษะ ไม่รับประทานอาหารรสเค็มจัด 

ต้องควบคุมปริมาณเกลือไม่ให้มากเกินไป ไม่ดื่มกาแฟ ช็อกโกแลต และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ทำให้ร่างกายเหนื่อยอ่อนมากๆ เช่น ทำงานติดต่อกันนานเกินไป หรือออกกำลังกายหักโหมมากเกินไป แต่โรคนี้ก็สามารถป้องกันได้ โดยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทำอารมณ์ให้แจ่มใส หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพอเหมาะ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้เป็นหลัก และดื่มน้ำเปล่าสะอาดระหว่างวันให้มากขึ้น 

การเสื่อมของการได้ยินในโรคความดันน้ำในหูผิดปกติหรือน้ำในหูไม่เท่ากัน จะค่อยๆเป็น จะไม่ถึงขนาดหนวก แต่ว่าหูตึงรุนแรงมีได้ เพราะฉะนั้นในแง่ของความเดือนร้อนจริง ๆ คือ เวลาที่เป็น 2 หูต่างหาก หูตึง 2 ข้างระดับรุนแรงนี้ก็เป็นสิ่งที่ใช้ชีวิตประจำวันไม่ปกติ อันดับแรกต้องพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยให้แน่ ๆ ว่าเป็นโรคนี้หรือไม่ โรคนี้ความสำคัญอยู่ที่ว่าเขาจะเป็น ๆ หาย ๆ เวลาเป็นขึ้นมาครั้งหนึ่งก็จะมีอาการมาก แล้วก็การได้ยินก็จะเสื่อมไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นวิธีดีที่สุดคือ การป้องกันไม่ให้กำเริบ  

สภาวะหินปูนในหูหลุดก็คือ ผลึกแคลเซียมที่มีอยู่ในหูชั้นใน ซึ่งปกติจะช่วยในการทรงตัว เกิดหลุดออกมามันจะเคลื่อน พอเราพลิกตัวกลิ้งไปกลิ้งมาก็จะไปกระตุ้นทำให้เวียนศีรษะ มีอาการบ้านหมุน พวกนี้ถ้าอยู่นิ่ง ๆ โดยธรรมชาติมันละลายเอง หายได้ ส่วนอีกสภาพวะเรื่องความดันน้ำในหู อันนี้อยู่ดี ๆ เกิดความดันขึ้น แล้วก็เยื่อบางอย่างในหูแตกออกมา แล้วก็มีอาการเวียน แล้วมีหูเสื่อม มีเสียงในหู แน่นหูต่าง ๆ ซึ่ง 2 อันนี้เป็นคนละสภาวะก็จริง แต่ปัจจุบันพบว่าเชื่อมโยงกัน เราพบว่า 2 โรคนี้พบได้ในคนคนเดียวกันบ่อย ๆ  

 

 

สนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟัง